เวลานี้ค่ายฮอนด้ามีให้รถให้เลือกเกือบทุกเซกเมนต์ ล่าสุดบุกตลาดสปอร์ตครอสโอเวอร์ด้วยการเผยโฉม All New Honda HR-V โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเฉี่ยว ซึ่งให้ความปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ ผสานกับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในสไตล์รถมินิแวน ที่ให้ความหรูหราและออพชั่นครบ พร้อมขุมพลัง 1800 ซีซี.กับเกียร์ CVT ใหม่ที่ให้กำลัง 141 แรงม้าสามารถตอบสนองในการขับได้อย่างคล่องตัว
ดีไซน์สปอร์ตปราดเปรียว
รูปลักษณ์ภายนอกมาสไตล์ปราดเปรียวลงตัวพร้อมกระจังหน้าที่ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด Solid Wing Face เสริมด้วยโทนสีดำ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ไฟหน้าเรียวยาวแนบด้านล่างด้วยไฟเดย์ไลท์แบบ LED ดูสะดุดตายิ่งขึ้น ผสานความเหนือระดับด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามาและมีสไตล์กับมือจับเปิดประตูด้านหลังที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกในสไตล์สปอร์ตคูเป้ และไฟท้ายแอลอีดีแบบ Tube
ภายในหรูออพชั่นครบ
ภายในได้รับการตกแต่งในสไตล์โทนสีดำเด่นด้วยคอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น ซึ่งใต้คอนโซลได้ติดตั้งช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด และช่องเชื่อมต่อ HDMI ระบบพร้อมมาตรวัดเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สีกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และสบายด้วยปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่มีทั้งสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัย ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส กับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และเบาะที่นั่งถ้าคนขับตัวสูงระดับ 180 ซม.จะติดเข่าเล็กน้อย เช่นเดียวกับเบาะหลังในส่วนเฮดรูมจะติดศีรษะเพราะหลังคาสโลบลง ดังนั้นผู้ที่นั่งหลังควรจะเตี้ยกว่านี้จะได้ไม่อึดอัด
ขับคล่องตอบสนองดี
ทางด้านสมรรถนะของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 16 วาล์ว ที่เป็นเครื่องตัวเดียวกับซีวิค ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่ชุดเกียร์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาให้อัตราเร่งที่ดีและการประหยัดน้ำมัน แถมรองรับแก๊สโซฮอล์ E85
ในการทดสอบ All New Honda HR-V ครั้งนี้ทางฮอนด้าได้เลือกเส้นทางแถวเขาใหญ่ จากคีรีมายา กอล์ฟ รีสอร์ทแอนด์ สปา ไปยังฟลอร่า พาร์ค รวมระยะทางประมาณ 113 กม. ซึ่งสภาพเส้นทางโดยรวมจะเป็นทางโค้งเสียส่วนใหญ่ ที่มีทั้งโค้งกว้างและแคบให้สัมผัสกัน เลยได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของช่วงล่างเป็นอย่างดี
ตามเส้นทางเป็นถนนลาดยางแบบสองเลนสวนกัน โดยช่วงแรกของการขับสามารถรับรู้ได้ถึงอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่ออกตัว เพราะเกียร์ CVT ใหม่สามารถตอบสนองได้ทันทีที่เหยียบคันเร่ง ซี่งต่างจากเกียร์ CVT รุ่นเก่าที่รอบเครื่องมาก่อนแต่ความเร็วตามมาที่หลัง และด้วยอัตราทดเกียร์ที่อยู่ในช่วงกว้างจะช่วยทำให้การขับเคลื่อนมาพร้อมกับแรงบิดที่สูงในรอบเครื่องที่ต่ำลง
และนั้นทำให้ระหว่างขับในโหมดเกียร์ D สังเกตุที่ความเร็วระดับ 100 กม./ชม.ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ที่ 1,600 รอบต่อนาที นั้นแสดงรุ่นนี้ประหยัดน่าดู หรือเร่งไป 120 กม./ชม.เข็มวัดรอบเขยิบไปแค่ 2,000 รอบ แต่ถ้าใช้โหมด M แบบเปลี่ยนเกียร์เอง ความเร็วที่ 100 กม./ชม.อยู่ที่ 2,000 รอบ จะใช้รอบมากกว่า เช่นเดียวกับการใช้โหมด S ที่หมุนขึ้นไปถึง 3,000 รอบเลย
ขณะเดียวกันการตอบสนองของเกียร์สามารถทำได้อย่างลื่นไหล เวลาเร่งแซงถ้าลากรอบราว 3,000 รอบ สามารถเรียกกำลังออกมาได้ทันที แต่ถ้าความเร็วไม่ต่อเนื่องหากจะแซงให้ทันใจต้องลากสัก 4,000 รอบถึงจะผ่านได้สบาย แต่ถ้าให้ขับสนุกยิ่งขึ้นต้องเปลี่ยนมาใช้โหมดเกียร์ S สามารถลากรอบได้ลื่นไหลต่อเนื่อง...แต่ซดน้ำมัน
ยกเว้นโหมดเกียร์ M ที่ตำแหน่งเกียร์ 7 ความเร็วอยู่ที่ 100 กม./ชม.ในขณะที่กำลังจะเร่งแซง แต่ไม่สามารถเพิ่มความเร็วได้แม้จะคิกดาวน์ก็ตาม และเมื่อเชนท์ลงมาที่เกียร์ 6 ยังไม่ตอบสนองเท่าที่ควร เลยต้องเชนท์ลงมาที่เกียร์ 5 ซึ่งไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเกียร์ 4 คาดว่าน่าจะมีกำลังไปได้
ส่วนช่วงล่างของรุ่นนี้ถึงจะดูเรียบง่ายโดยด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท และหลังแบบทอร์ชั่นบีม แต่กับเป็นระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ พร้อมศูนย์ถ่วงของรถอยู่ในระดับต่ำไม่ต่างจากรถซีดาน ทำให้ตลอดเส้นทางที่ต้องเจอทางโค้งไม่ใช่เรื่องยาก โดยรถสามารถพลิกพลิ้วไปตามโค้งได้อย่างสบาย
และที่สำคัญยังมีระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นเลยขับสนุก พร้อมกับพวงมาลัยจับกระชับมือให้ความแม่นยำดี น้ำหนักเหมาะมือ ทำให้การบังคับเลี้ยวในทุกโค้งทำได้ง่าย ส่วนเสียงภายในห้องโดยสารขณะที่วิ่งระดับ 110 กม./ชม.ต้องยอมรับว่าเงียบ เพราะงานนี้เล่นติดวัสดุดูดซับเสียงไว้หลายจุด
สำหรับระบบเบรกมาพร้อมดิสถ์หน้า-หลังสามารถชะลอความเร็วได้ทันทีเพียงกดเบรกไม่มาก และในช่วงที่รถติดยังมีระบบ Auto Brake Hold ซึ่งแค่กดปุ่มที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว และโดดเด่นด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า ที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ที่ได้ใช้บ้างเวลาต้องจอดอยู่บนเนิน และปลอดภัยยิ่งขึ้นกับสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) รวมถึงเวลาถอยหลังจะมีกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับทั้งแบบ 130 องศา 180 องศาและมุมมองจากด้านบน
ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ จัดเป็นสปอร์ตครอสโอเวอร์ ที่มีจุดขายทั้งรูปโฉมกับภายในระดับพรีเมียม พร้อมสมรรถนะโดยรวมที่ให้กำลังได้อย่างต่อเนื่อง และทรงตัวเป็นเยี่ยม ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว ในราคาตั้งแต่ 890,000 -1,045,000 บาท ที่ดูราคารุ่นท็อปจะสูงไปสักหน่อย
ข้อมูลทางเทคนิค
เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบเรียง SOHC 16 วาล์ว i-VTEC
ความจุ (ซีซี) 1,799
กระบอกสูบช่วงชัก (มม.) 81 X 87.3
อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลติพอยด์ PGM- FI
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 141/6,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-ม./รตน.) 172/4,300
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
ระบบรองรับ หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีมแบบ H-Shape
ระบบเบรก แบบ ABS / EBD
หน้า/ หลัง ดิสถ์เบรก มีช่องระบายความร้อน / ดิสถ์เบรก
ระบบบังคับเลี้ยว แรคแอนด์พีเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง
รัศมีวงเลี้ยว (ม.) 5.3
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/ สูง (มม.) 4,294 /1,772/1,605
น้ำหนัก (กก.) 1,292
ขนาดล้อ/ยาง 17/ 215/55R17
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 50